ใครที่มีทั้ง ใบชา และ กาแฟ อยู่ที่บ้าน คงตัดสินใจไม่ถูกว่าเช้านี้ฉันจะกินอะไรก่อนดี? ในเมื่อมีความคิดเช่นนั้น ทางเรามีแนวทางดี ๆ จะกินชาหรือกาแฟก่อนดี? โดยให้ดูจากข้อดีของการดื่ม ดื่มแล้วได้อะไรกลับมา? ดื่มแล้วเติมพลังให้กับร่างกายหรือเปล่ารวมถึงอาหาร ขนม ของกินเล่นที่นำมารับประทานคู่กัน เข้ากันดีไหม? คำถามทั้งหมดมีอยู่ในบทความค่ะ
ความเหมือนและต่างกันของ ชา กับ กาแฟ
ทั้งชาและกาแฟเป็นเครื่องดื่มร้อนที่อยู่คู่คนทุกชาติทุกภาษา จะต่างวัฒนธรรมหรือเดียวกัน การดื่มชาและกาแฟเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่ต้องการพลังในการขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงาน กิจกรรมกลางแจ้งหรือเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย ทั้ง 2 ชนิดมีสารคาเฟอีนเหมือน ๆ กันค่ะ
มาถึงหัวข้อสำคัญ เครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดมีความเหมือน ๆ กันหรือไม่? คำตอบมีดังนี้
ทั้ง ชา และ กาแฟ มีสารคาเฟอีนเหมือน ๆ กันดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นดังนั้นเมื่อดื่มเข้าไปร่างกายจะตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าพร้อมออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เลยซึ่งเป็นความเหมือนของเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดนี้ ท้ายสุดเราจะเลือกตัวไหนก็ได้ตามใจเราได้เลยค่ะอยู่ที่ความชอบ
ชา เป็นเครื่องดื่มที่มีสารอาหารหลายอย่างเหมือนกันกับ กาแฟ ช่วยในเรื่องของการบำรุงร่างกายที่เหมือน ๆ กัน เช่น ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานครั้งที่ 2 โรคพาร์กินสัน มะเร็งที่ลำไส้รวมถึงปรับระดับอินซูลินให้คงที่ เหมือน ๆ กัน แตกต่างตรงรสสัมผัสเวลาดื่มเท่านั้น ว่ากันว่า ชาจะมีรสสัมผัสที่ละมุนลิ้นกว่ากาแฟ ดังนั้น ช่วงเช้า ๆ ผู้ที่นิยมชมชอบเครื่องดื่มคาเฟอีนดังกล่าวข้างต้นถึงชอบดื่มชากินคู่กับคุกกี้หรือขนมอบอื่น ๆ เช่น บราวนี่ ท็อฟฟี่เค้ก เป็นต้นค่ะ
ข้อดีของการดื่ม กาแฟ ตอนเช้า
ข้อดีมีอยู่หลายประการด้วยกัน คอกาแฟทั้งหลายควรทราบเพื่อเอาไว้บอกต่อถึงคุณสมบัติเด่น ๆ นั้น ส่วนจะมีอะไรกันบ้าง ตามมาค่ะ
ข้อดีประการที่ 1เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกอ่อนล้า ขาดความกระปรี้กระเปร่าและต้องการปลุกพลังภายใน การหันมาดื่มกาแฟในช่วงเช้า ความที่เครื่องดื่มชนิดนี้มีสารคาเฟอีนในตัวกาแฟ จะไปช่วยปรับสมดุลภายในร่างกายของเรารวมถึงกระตุ้นให้เราคึกคัก ผลลัพธ์คือ เราจะรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาอีกครั้งค่ะ
ข้อดีประการที่ 2สารคาเฟอีนที่พบในกาแฟ ถ้าดื่มช่วงเช้าเป็นประจำ มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบอันเป็นผลมาจากกรดยูริกที่เกินขนาด ดังนั้น สามารถนำมาช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเกาต์ได้
ข้อดีประการที่ 3ใครที่ต้องการลดน้ำหนัก ลองหันมาดื่มกาแฟดำในช่วงเช้าควบคู่ไปกับการออกกำลังกายได้กันดีกว่าค่ะ รับรองคาเฟอีนที่พบในกาแฟจะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานภายในร่างกาย ผลลัพธ์คือช่วยไปเร่งให้น้ำหนักลดลงมาได้
ข้อดีประการที่ 4ฮอร์โมนส์ GCFS เป็นสารที่มาช่วยในเรื่องของการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้น เมื่อเราดื่มบ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่ร่างกายสามารถดีงไปใช้งานได้ทันที จะไปช่วยเพิ่มระดับของฮอร์โมนชนิดนี้ ใครที่กลัวเป็นโรคอัลไซเมอร์ควรลองกินเป็นประจำค่ะ
ข้อดีของการดื่มชาตอนเช้า
ชาเครื่องดื่มยอดนิยมมีมากว่าพันปี ใครก็รู้การดื่มชามาก ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอนั้นมีข้อดีอย่างไรกับตัวผู้ดื่ม จะดื่มร้อนหรือเย็น จะนำไปผสมเป็นเมนูของหวานได้หมด เช่น ชาเย็น ชาดำเย็น ชามะนาว ชานมไข่มุก ชานม เป็นต้น ในเมื่อสามารถนำมาดัดเแปลงได้หลายเมนู เรามาดูข้อดีของการดื่มเป็นประจำสม่ำเสมอกันดีกว่านะคะว่าจะมีอะไรกันบ้าง?
ข้อดีข้อที่ 1ชา มีสารคาเฟอีนเหมือนกับ กาแฟ เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการจะลดน้ำหนัก การดื่มชาในตอนเช้าค่อนข้างได้ประโยชน์กว่าการดื่มชาตอนช่วงบ่าย เหตุผลนั่นเป็นเพราะ มื้อเช้าเป็นมื้อที่ทุกคนต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินให้เยอะเพราะร่างกายต้องการใช้พลังงานในการทำกิจกรรม ดังนั้นการดื่มชาในช่วงเช้า ฤทธิ์จากชาจะไปเพิ่มการเผาผลาญให้กับร่างกายของเรา อาหารที่กินเข้าไปในช่วงเช้าพอแปรสภาพเป็นสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน จะถูกดึงมาใช้ เพราะฉะนั้น ดื่มชาช่วงเวลานี้ถึงค่อนข้างเหมาะสมในคนที่ต้องการจะควบคุมน้ำหนักค่ะ
ข้อดีข้อที่ 2ดื่มชาเป็นอีกหนึ่งวิธีย่อยอาหารดีที่สุดวิธีหนึ่งโดยเฉพาะในช่วงเช้าดังที่กล่าวไปแล้ว ฤทธิ์ที่อยู่ในชาจะไปช่วยกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้หลั่งมาเพื่อย่อยสารอาหารประเภทวิตะมินต่าง ๆ ทว่าสำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่ก่อนแล้ว ควรเลือกจิบชาอ่อน ๆ เพราะถ้าเป็นชาแก่จะไปกระตุ้นกรดให้หลั่งออกมาส่งผลทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟก็ดี สิ่งที่ได้กลับมาเหมือน ๆ กันนั่นก็คือความรู้สึกผ่อนคลายที่มาพร้อมความกระปรี้กระเปร่าพร้อมออกไปทำงานหรือกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ กันได้เลย นอกเหนือจากนั้น สรรพคุณที่พบในเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดช่วยในเรื่องของการป้องกันยับยั้งโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น เราควรกินเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดหรืออย่างใดอย่างหนึ่งเป็นประจำสม่ำเสมอก็จะสามารถช่วยทุเลาอาการเจ็บป่วยที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นได้ค่ะ